ภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต ๑

Abstract

This research aims to achieve the following objectives 1) examine the level of technological leadership of school administrators in schools 2) compare the level of technological leadership of school administrators, categorized by position, school size, and teachers' and educational personnel's work experience; and 3) explore ways to develop technological leadership among school administrators under the Nong Khai Primary Educational Service Area Office 1. The study's sample includes 35 school administrators and 270 teachers, totaling 305 participants, selected through stratified random sampling. The reliability coefficient is 0.937. The statistical methods used for data analysis include percentage, mean, and standard deviation. The results of the research found that 1) The overall and aspect-specific level of technological leadership of school administrators was found to be at a high level on average. 2) The results of the comparison of technological leadership of school administrators revealed that; (1) When classified by job position, there were no significant differences overall or in specific aspects. (2) When classified by school size, there was a statistically significant difference at the 0.01 level overall, and significant differences at the 0.05 level in specific aspects. (3) When classified by work experience, there was no significant difference overall, but there were statistically significant differences at the 0.05 level in specific aspects. 3) Guidelines for the development of technological leadership for school administrators entail acting as transformational leaders with a clear vision and serving as role models in technology adoption to inspire and mobilize the organization. The primary objective is the application of technology to enhance administrative efficiency and modernization, to promote a teaching and learning environment where teachers and students can access knowledge anytime and anywhere, and to develop an assessment system that ensures accuracy and yields actionable data.

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียน 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ ขนาดสถานศึกษา ประสบการณ์ในการทำงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคายเขต 1 กลุ่มตัวอย่างการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา จำนวน 305 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 35 คน และครูผู้สอน จำนวน 270 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามและมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.937 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ความถี่ ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าทดสอบที (t-test) และค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) หรือสถิติทดสอบเอฟ (F-Test) การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยวิธีการของ Scheffe และเก็บข้อมูลการสัมภาษณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. ภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการบริหารงาน ด้านการมีจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี ด้านภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ ด้านการใช้เทคโนโลยีในการวัดผลและประเมินผล ด้านการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน และด้านการใช้เทคโนโลยีในการบริหารงาน 2. ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า 1) จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ พบว่าโดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า แต่ละด้านไม่มีความแตกต่างกัน 2) จำแนกตามขนาดสถานศึกษา พบว่า โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยสถานศึกษาใหญ่ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือสถานศึกษาขนาดกลาง และสถานศึกษาขนาดเล็ก ตามลำดับ 3) จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยกลุ่มที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า10 ปี มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา คือการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนและเป็นต้นแบบในการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนองค์กร โดยมีเป้าหมายหลักในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยส่งเสริมการเรียนการสอนให้ครูและนักเรียนเข้าถึงความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาพัฒนาระบบการวัดผลให้มีความแม่นยำและนำข้อมูลไปใช้ได้จริง