STUDY THE ADMINISTRATION OF LAO SANGHA IN HATXAIFONG DISTRICT, VIENTIANE CAPITAL

Abstract

This research aimed to 1) study the overall administration of the Lao Sangha; 2) investigate the administration of the Lao Sangha in Hadxaifong District, Vientiane Capital; and 3) analyze the administration of the Lao Sangha in Hadxaifong District, Vientiane Capital. This qualitative study utilized documentary research, drawing information from books, textbooks, and relevant research papers, with the collected data being analyzed and summarized to conclude the study.The research yielded the following findings: The administration of the Lao Sangha is structured hierarchically, with the Central Buddhist Fellowship Organization of Lao PDR serving as the supreme body under the supervision of the government, channeled through the Lao Front for National Construction. Administration is divided into national (central), provincial, district, and temple levels, adhering to three core principles: the principles of Dhamma-Vinaya, integration with state policies, and community participation. The Lao Sangha's administration in Hadxaifong District encompasses 91 temples and approximately 450 monks and novices. It is organized into four key areas: monastic governance, monastic education, dissemination of ethics and meditation practice, and public Welfare. The analysis of the Hadxaifong District Sangha administration demonstrated a strong commitment to development in all four areas: Monastic Governance. This area is strengthened by highly qualified leaders and robust community support. Monastic Education: This focuses on developing monks and novices with both religious and secular knowledge through the establishment of Pali schools, general education management, provision of funding and teachers, media development, and foreign language training. Dissemination of Ethics and Meditation Practice: This is achieved through sermons, meditation practices, and traditional and online media. Dissemination centers in temples produce media, train monastic preachers, and emphasize reaching out to youth. Public Welfare involves effectively developing temples as community centers, considering functionality and aesthetic appeal, and conserving historical sites and traditional art.

วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานของคณะสงฆ์ลาว 2) เพื่อศึกษาการบริหารงานของคณะสงฆ์ลาว เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ 3) เพื่อวิเคราะห์การบริหารงานของคณะสงฆ์ลาว เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากเอกสารต่าง ๆ ได้แก่ หนังสือ ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะหและสรุปผลของการวิจัยผลการวิจัยพบว่า : 1) การบริหารงานของคณะสงฆ์ลาวมีโครงสร้างเป็นลำดับชั้น โดยมีองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์แห่ง สปป. ลาว (อ.พ.ส.) เป็นองค์กรสูงสุด ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลผ่านแนวลาวสร้างชาติ มีการแบ่งการบริหารเป็นระดับชาติ (ศูนย์กลาง) ระดับแขวง ระดับเมือง และระดับวัด โดยยึดหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ หลักพระธรรมวินัย หลักการบูรณาการกับนโยบายของรัฐ และหลักการมีส่วนร่วมของชุมชน 2) การบริหารงานของคณะสงฆ์ลาว เมืองหาดทรายฟอง มีวัด 91 แห่ง พระภิกษุสามเณรประมาณ 450 รูป มีการบริหารงานใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการปกครองสงฆ์ ด้านการศึกษาสงฆ์ ด้านการเผยแผ่ศีลธรรมและปฏิบัติกรรมฐาน และด้านการสาธารณูปการ 3) ผลการวิเคราะห์การบริหารงานคณะสงฆ์เมืองหาดทรายฟอง แสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย ดังนี้ 3.1) ด้านการปกครองสงฆ์ มีจุดแข็งที่ผู้นำที่ทรงคุณวุฒิ และได้รับการสนับสนุนจากชุมชนอย่างเข้มแข็ง 3.2) ด้านการศึกษาสงฆ์ มุ่งเน้นพัฒนาพระภิกษุสามเณรให้มีความรู้ทั้งทางธรรมและทางโลกผ่านการวางแผนจัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม จัดการศึกษาสายสามัญ จัดหาทุน ครู และพัฒนาสื่อ รวมถึงอบรมภาษาต่างประเทศ 3.3) ด้านการเผยแผ่ศีลธรรมและปฏิบัติกรรมฐาน ด้วยการเทศนา ปฏิบัติธรรม ใช้สื่อดั้งเดิมและสื่อสังคมออนไลน์ มีศูนย์เผยแผ่วัด ผลิตสื่อ อบรมพระนักเทศน์ และเน้นเข้าถึงเยาวชน และ 3.4) ด้านการสาธารณูปการ พัฒนาวัดเป็นศูนย์กลางชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ความสวยงาม ควบคู่กับการอนุรักษ์โบราณสถานและศิลปกรรมดั้งเดิม