A STUDY OF SANGHA ADMINISTRATION ON PUBLIC WELFARE: A CASE STUDY OF BUDDHIST ECCLESIASTICAL OFFICERS IN NAKHON SI THAMMARAT PROVINCE

Abstract

This thesis has the following objectives: 1) to study concepts and theories regarding the administration of Sangha affairs in the field of public welfare; 2) to study the administration of Sangha affairs in the field of public welfare: a case study of monks in Nakhon Si Thammarat province; 3) to analyze the administration of Sangha affairs in the area of public welfare. Sangha public welfare: A case study of Sangha administrators in Nakhon Si Thammarat province by collecting information through documents In-depth interviews with 12 people. Tools used were interviews, theoretical content analysis. Use it as a guideline for data analysis to compare findings, synthesize, and integrate results obtained from interviews and present them using descriptive methods.The results of the study were found that:1. The concept and theory of public welfare administration of the Sangha found that public welfare work is work related to the importance of monks providing assistance to people in the community and society. The social welfare roles of monks include 1) educational role, 2) public role, 3) role in developing people's minds, 4) role in financial assistance, 5) role in local development, and public welfare as specified in the regulations of the Sangha Supreme Council in 4 aspects: operating activities to help and support, supporting activities of others for public benefit, supporting public property, and supporting the general public.2. The administration of the Sangha in public welfare of the Sangha leaders in Nakhon Si Thammarat Province found that the public welfare work of the Sangha in Nakhon Si Thammarat Province has carried out various forms of material and mental assistance to society that do not violate the Dharma Vinaya. There is a rehabilitation of the mental state of Buddhists and a model for living. Temples and the Sangha must have a good work plan and divide work, distributing work in the area of mental development to people in all areas, creating guidelines for public welfare work. Temples create activities and promote community participation in mental development work, and organize them continuously with a clear and stable plan. There is a network of cooperation from 3 parties (home-temple-state).3. Results of the analysis of the administration of the monastic community in public work of the Sangha in Nakhon Si Thammarat Province It was found that the operation of the business to help Consider it as a major principle to benefit the community and society at large by setting up a system to support and have a screening system to create various systems to achieve transparency. Assisting others' affairs for the public benefit has been established and a system has been established to encourage and support the temple area as a center of learning. Activities are created and promote community involvement and are organized continuously with a clear, stable, and sustainable pattern by applying the principle of "HTS” (Home, Temple, School). Public Patronage of Places in the Public Domain Forms of support for places in the public domain. The temple participates in supporting the patronage in facilitating the creation of things that are beneficial to the people in the community, and is a coordination center for cooperation so that the work can have the same direction. Helping the people or animals. The monastic community has presented various forms of relief, which are considered according to reality and accuracy, and there is an inspection system of the temple of the community, government agencies, and private sector agencies are involved in order to provide assistance. There is a good work plan and management.

วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์ 2) เพื่อศึกษาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์: กรณีศึกษาพระสังฆาธิการในจังหวัดนครศรีธรรมราช 3) เพื่อวิเคราะห์การบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์: กรณีศึกษาพระสังฆาธิการในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรวบรวมข้อมูลทางเอกสาร สัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ คือสัมภาษณ์ การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงทฤษฎี ใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบข้อค้นพบ สังเคราะห์ บูรณาการผลที่ได้รับจากคำให้สัมภาษณ์และนำเสนอโดยวิธีพรรณนาผลการวิจัยพบว่า 1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์ พบว่า งานสาธารณะสงเคราะห์ เป็นงานเกี่ยวข้องกับการที่พระสงฆ์ให้ความสำคัญ ให้ความสงเคราะห์ประชาชนในชุมชนและสังคม บทบาทหน้าที่ทางสังคมสงเคราะห์ของพระสงฆ์ ประกอบด้วย 1) บทบาทด้านการศึกษา 2) บทบาทด้านการสาธารณะ 3) บทบาทด้านการพัฒนาจิตใจประชาชน 4) บทบาทด้านการสงเคราะห์ทาง 5) บทบาทด้านการพัฒนาท้องถิ่น และการสาธารณะสงเคราะห์ที่กำหนดไว้ในระเบียบมหาเถรสมาคม 4 ประการ ได้แก่ การดำเนินกิจการเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล การช่วยเหลือเกื้อกูลกิจการของผู้อื่นเพื่อสาธารณะประโยชน์ การช่วยเหลือเกื้อกูลสถานที่อันเป็นสาธารณะสมบัติการช่วยเหลือเกื้อกูลประชาชนทั่วไป2. การบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่า การปฏิบัติงานสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการดำเนินการช่วยเหลือสังคมทางวัตถุและจิตใจในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย มีการฟื้นฟูสภาพจิตใจของพุทธศาสนิกชน เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต วัดและคณะสงฆ์ต้องมีกาวางแผนงานที่ดีและมีการแบ่งงาน กระจายงานในด้านการพัฒนาจิตใจให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ สร้างแนวดำเนินการในงานสาธารณสงเคราะห์ วัดมีการสร้างกิจกรรมและส่งเสริมการมีส่วนกับชุมชนในงานพัฒนาจิตใจ และจัดอย่างต่อเนื่องมีแบบแผนที่ชัดเจนและมั่นคง มีการสร้างเครือข่ายภาคีความร่วมมือ 3 ฝ่าย (บ้าน-วัด-รัฐ)3. ผลการวิเคราะห์การบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่า การดำเนินกิจการเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล พิจารณาเป็นหลักใหญ่ ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนและสังคมโดยกว้าง โดยการวางระบบเพื่อเกื้อกูล มีระบบคัดกรองการสร้างระบบต่าง ๆ ให้เกิดความโปร่งใส การช่วยเหลือเกื้อกูลกิจการของผู้อื่นเพื่อสาธารณะประโยชน์ มีการจัดตั้งวางระบบมีการส่งเสริมสนับสนุนให้เขตพื้นที่ของวัดเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ มีการสร้างกิจกรรมและส่งเสริมการมีส่วนกับชุมชนและจัดอย่างต่อเนื่องมีแบบแผนที่ชัดเจน มั่นคง ยั่งยืน โดยนำหลัก “บวร” มาใช้ การเกื้อกูลสาธารณะสมบัติสถานที่อันเป็นสาธารณะสมบัติ รูปแบบในการสนับสนุนสถานที่อันเป็นสาธารณสมบัติ วัดมีส่วนร่วมสนับสนุนอุปถัมภ์ในการอำนวยการสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดประโยชน์กับประชาชนในชุมชน เป็นศูนย์ประสานงานร่วมมือกันเพื่อการทำงานจะได้มีทิศทางเดียวกัน การเกื้อกูลประชาชนหรือสรรพสัตว์ คณะสงฆ์มีการนำเสนอการสงเคราะห์รูปแบบต่าง ๆ มีความหลากหลายพิจารณาตามความเป็นจริงและถูกต้องมีระบบตรวจสอบของวัดของชุมชนของหน่วยงานภาครัฐของหน่วยงานภาคเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อที่จะการช่วยเหลือเกื้อกูล มีการวางแผนงาน การบริหารจัดการที่ดี